วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

[องค์หญิงเว่ยหยาง] บทที่ 1 - ราชินีที่ถูกปลด

ต้าหลี่
ใต้หลังคาของตำหนักเย็น หลี่เว่ยหยางนับเห็บหมัดในเส้นผมยาวสยายของนางได้ทั้งสิ้น 6 ตัว เป็นเวลาหลายปีมาแล้วหลังจากที่นางได้อาบน้ำครั้งสุดท้าย จนร่างกายสกปรกของนางราวกับมีเกราะหนาสวมทับอยู่ การจับเห็บหมัดตามเนื้อตัวจึงกลายเป็นวิธีเดียวที่นางใช้ฆ่าเวลา

12 ปี นางถูกจองจำอยู่ในตำหนักเย็นนี้มา 12 ปีแล้ว เว่ยหยางเงยหน้ามองฟ้า ทุกคราที่ฝนตก ขาสองข้างของนางจะเจ็บปวดรุนแรงจนแทบทำให้นางคลุ้มคลั่ง

นางเป็นลูกสาวแท้ๆของอัครมหาเสนาบดีหลี่เซียวหราน โชคร้ายที่นางไม่ได้เกิดกับภรรยาหลวง แต่เป็นภรรยาน้อย แม่ของนางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ต่ำต้อย นอกจากนี้ นางยังถือกำเนิดในเดือนกุมภาพันธ์ ตามคำกล่าวที่ว่าหญิงที่เกิดเดือนนี้จะนำพากาลกิณีมาสู่ครอบครัว นางจึงถูกบิดาบังเกิดเกล้าส่งไปอยู่กับญาติห่างๆ กระนั้น แม้แต่บรรดาญาติๆยังไม่ต้องการเลี้ยงดูลูกหลานที่เกิดกับบ่าวไพร่ พวกเขาจึงส่งนางไปอยู่ชนบท ปล่อยให้นางต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง ทั้งที่มีบิดาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี เกิดในตระกูลหลี่ หนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยและมีอำนาจกว้างขวางที่สุดในแผ่นดิน แต่นางกลับถูกบังคับให้ทำงานทั้งในบ้านและในไร่นา

นางถูกทิ้ง ถูกลืม หากไม่ใช่เพราะพี่สาวต่างมารดา หลี่ฉางเล่อ ปฏิเสธการแต่งงานกับชายผู้นั้น บิดากับฮูหยินใหญ่คงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางมีชีวิตอยู่

ฉางเล่อ... เว่ยหยาง... เพียงแค่ชื่อก็บ่งบอกความต่างศักดิ์ของพวกนางสองคนได้

ครั้งแรกที่นางกลับไปเหยียบคฤหาสน์สกุลหลี่ นางเต็มไปด้วยความสุขและเบิกบานใจ ดีใจที่บิดายังจำนางได้ หากนางกลับบังเอิญได้ยินบิดาพูดปลอบพี่สาวผู้แสนงดงามและสูงส่งของนาง "เซียนหุยลูกรัก ไม่ต้องกังวลไป พ่อจะส่งเว่ยหยางไปแต่งกับทั่วป๋าเจินแทนเจ้า"

พี่สาวของนางยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า เซียนหุย ชื่อของนางช่างไพเราะยิ่ง นั่นคือสิ่งที่เว่ยหยางคิดในตอนนั้น แต่หลังจากนั้น ชื่อนี้กลับกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนนาง

สุดท้าย นางยอมเชื่อฟังบิดา แต่งงานกับองค์ชายสาม ทั่วป๋าเจิน แทนฉางเล่อ นางยินดีและเต็มใจช่วยสามีทำตามความทะเยอทะยานของเขา มองดูเขาก้าวจากตำแหน่งองค์ชายไปสู่จักรพรรดิ นางยังได้ให้กำเนิดลูกชายกับเขาอีกหนึ่งคน นามว่า ยูลี หลังจากทั่วป๋าเจินขึ้นเป็นจักรพรรดิ เขาก็ได้แต่งตั้งนางเป็นอัครมเหสี ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆเพียง 8 ปีเท่านั้น

ทั่วป๋าเจินเคยกล่าวว่านางมีผิวพรรณนุ่มนวลและเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง แต่สาวงามอันดับหนึ่งหรือจะสู้ความงามหยาดฟ้ามาดินราวกับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ เพียงแค่มองผ่านๆ ไม่ว่าใครก็เห็นได้ว่าความแตกต่างของพวกนางนั้นชัดเจนเพียงใด

แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น หลังจากนั้น...

ทุกครั้งที่หลี่เว่ยหยางนึกถึงวันนั้น นางมักจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะความโง่เขลาและเยาว์วัยของตน หัวเราะให้สภาพของตัวเองทั้งในปัจจุบันและในอดีต ให้กับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

นางยังจดจำคืนนั้นได้อย่างแจ่มชัด สาวใช้และทุกคนในพระราชวังคุนหนิงถูกลงโทษอย่างเร่งร้อน ราวกับว่าพวกเขาต้องการรีบจบเรื่องราวทุกอย่าง หรือไม่ก็ต้องการปิดทุกอย่างเป็นความลับ บรรดาสาวใช้ไม่ได้ถูกนำตัวไปสอบสวนด้วยซ้ำ แต่กลับถูกสังหารหน้าตำหนักของนางนี่เอง

ประตูวังคุนหนิงถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา ผู้ที่ถูกลงทัณฑ์ล้วนถูกปิดปากกันเสียงเล็ดลอดออกไป ในชั่วพริบตา วังหลวงกลับกลายเป็นทะเลเลือด หลี่เว่ยหยางถูกลากออกมาอยู่หน้าจักรพรรดิทั่วป๋าเจิน

ในดวงตาที่ปกติมีแววฉลาดหลักแหลม ทั่วป๋าเจินกลับมองนางด้วยสายตาที่ทั้งโหดร้าย เย็นชา และเชือดเฉือน "นังแพศยา! นางเป็นพี่สาวเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเจ้าแท้ๆ เจ้ากลับคิดจะทำร้ายนาง!"

แม้ใจของหลี่เว่ยหยางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางยังกล่าวตอบ "ทำร้ายนางหรือ ข้าไม่เคยทำร้ายนาง!"

ทั่วป๋าเจินทุบเข้าที่อกของนางอย่างไร้ความปราณีจนเลือดกระอักออกมาทางปากเว่ยหยาง เขามองนางอย่างเกลียดชัง "หญิงชั่ว! ฉางเล่อเจ็บท้องคลอดแต่ข้าไม่ได้อยู่ข้างกายนาง สาวใช้จึงไปขอให้เจ้าช่วย แต่เหตุใดเจ้ากลับปิดประตูหันหลังให้นาง เห็นชัดว่าเจ้าต้องการให้นางมีอันเป็นไป! หากข้ากลับมาไม่ทันเวลา ทั้งแม่ทั้งลูกคงไม่มีชีวิตรอด!"

นางเงยหน้าขึ้นมองทั่วป๋าเจิน เขายังคงหล่อเหลาเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ราวกับเขาไม่ได้อยู่บนโลกเดียวกับนาง ความจริงแล้ว นางไม่เคยเข้าใจบุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เลย นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายที่นางรักเป็นคนอย่างไร นาทีหนึ่งเขาอาจจะสุภาพอ่อนหวาน แต่นาทีต่อมากลับโหดร้ายเย็นชา นางรู้สึกว่าตนเองช่างน่าขำ จมอยู่กับความรักข้างเดียว ไม่เคยรู้เลยว่าเขาไม่ได้ต้องการนาง

หลี่เว่ยหยางแค่นหัวเราะเสียงเย็น "ฝ่าบาทนึกถึงแต่พี่หญิง ทรงเคยนึกถึงยูลีลูกของเราบ้างไหม? วันเดียวกับที่ลูกของท่านกับนางเกิด ยูลีของข้ากลับป่วยหนัก ทนทรมานอยู่บนเตียง! ข้าผิดหรือที่เรียกหมอหลวงมาดูอาการเขา? ฉางเล่อเป็นคน ข้าก็เป็นคน! นางคลอดลูกอย่างปลอดภัย ลูกชายของนางยังได้เป็นรัชทายาทตั้งแต่เกิด แต่ยูลีของข้ากลับต้องตาย! ท่านเคยสัญญาว่าจะมอบตำแหน่งรัชทายาทให้ลูกของเรา ตอนนี้ท่านก็เป็นจักรพรรดิแล้ว เหตุใดกลับผิดคำพูดเช่นนี้เล่า? เพราะอะไรกัน?!"

ใบหน้าของเขาเย็นยะเยือก มองดูนางอย่างเฉยชา "ข้ายกตำแหน่งอัครมเหสีให้เจ้า แต่เจ้ายังไม่พอใจ! เจ้ายังโลภอยากได้ตำแหน่งรัชทายาทอีกหรือ!"

หลี่เว่ยหยางรับรู้ได้แต่เพียงรสเลือดในปาก เสียงของนางเยียบเย็นราวกับธารน้ำแข็ง "อัครมเหสีหรือ? ใช่ ข้าคืออัครมเหสี แต่ราชโองการที่จะปลดข้าก็วางอยู่ตรงหน้าท่านแล้วนี่ ท่านแค่เพียงรอเวลาให้ฉางเล่อคลอดก่อนจึงจะลงตราประทับ! ทั่วป๋าเจิน ข้าทำอะไรผิด? ข้าแต่งกับท่านมา 8 ปี ข้าปรนนิบัติท่านอย่างไร?" นางถามขณะดึงเสื้อชั้นนอกออก เผยให้เห็นแผลเป็นน่ากลัวที่กลางอก

"ในปีเสียนตี้ที่ 38 ข้าปกป้องท่านจากการลอบสังหาร จนมีแผลเป็นอยู่กลางอกนี่ ในปีเสียนตี้ที่ 40 พอรู้ว่ารัชทายาทวางยาพิษในเหล้าของท่าน ข้าก็เป็นคนดื่มมันแทนท่าน ในปีที่ 41 เมื่อทราบข่าวว่าองค์ชายเจ็ดคิดฆ่าท่าน ข้าก็เดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่พักม้า ระยะทางเป็นพันลี้ เพียงเพื่อไปเตือนท่าน! ปีที่ 42 ตอนที่ท่านป่วยติดเชื้อจากการไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ ข้าคนเดียวดูแลท่านติดต่อกันนานถึง 48 วัน! พอท่านขึ้นเป็นจักรพรรดิ ท่านให้สัญญาอะไรไว้กับข้า ท่านยังจำได้บ้างไหม? ท่านบอกว่าตราบใดที่ท่านเป็นจักรพรรดิ จะมีข้าเป็นอัครมเหสีเพียงคนเดียว แต่ไม่นาน ท่านกลับตกหลุมรักหลี่ฉางเล่อ ไม่เพียงท่านยกลูกชายนางขึ้นเป็นรัชทายาท ท่านยังคิดจะปลดข้าด้วย! ทั่วป๋าเจิน ท่านไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!"

ทั่วป๋าเจินมองนางด้วยสีหน้าเฉยชาไม่แยแส ความเย็นชาของเขาช่างดูเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าเขาเกิดมาพร้อมกับสีหน้าเช่นนี้ การแสดงออกของเขาบีบหัวใจนาง ราวกับเข็มนับพันเล็มกำลังทิ่มแทงหัวใจ นางหอบหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าของนางยังคงความดื้อรั้น หากแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและสูญเสีย

"ฉางเล่อคือหญิงที่ข้ารัก ถึงแม้ว่าข้าคิดจะปลดเจ้า แต่ก็ตั้งใจจะให้เจ้าได้อาศัยอยู่ในวังหลวงต่อไป เจ้าจะได้มีข้าวให้กิน มีหลังคาคุ้มหัว สุขสบายไปชั่วชีวิต"

"สุขสบายไปชั่วชีวิต?" ราวกับถูกของแหลมคมแทงทะลุอกนางจนเป็นรู เว่ยหยางหัวใจแหลกสลาย นางรู้สึกราวกับตนเองเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ค่อยๆถล่มและสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาและนางแต่งกันมา 8 ปี ผ่านทุกข์และสุขมาด้วยกันมากมาย ในยามที่เขาตกต่ำ มีแต่นางที่คอยอยู่เคียงข้างเขา แต่พอเขาได้เป็นจักรพรรดิ เขากลับไปรักฉางเล่อ และต้องการปลดนาง ถึงกระนั้นยังมีหน้ามาพูดว่าอยากให้นางมีข้าวกิน มีหลังคาคุ้มหัว

"ข้าทำทุกอย่างเพื่อท่าน เพื่อปกป้องท่าน ข้าไม่เคยสนใจชีวิตตัวเอง แต่สิ่งที่ข้าได้รับตอบแทน คือคำพูดเช่นนี้หรือ? แปดปี! แปดปีที่ร่วมทุกร่วมสุขกันมา แต่กลับเทียบไม่ได้กับความงามของฉางเล่อ สุขสบายไปชั่วชีวิตงั้นหรือ? ใครต้องการชีวิตสุขสบายกัน? ข้ายอมอดทนต่ออันตราย ฝ่าความเป็นความตายมาก็เพื่อวันนี้ แต่ท่านกลับจะยกสิ่งที่เป็นของข้าให้หญิงอื่น! แล้วท่านจะให้รู้สึกขอบคุณงั้นหรือ?"

ทั่วป๋าเจินทุบโต๊ะเสียงดัง กาน้ำชาร่วงกระทบพื้น เขาขมวดคิ้วแน่น "หุบปาก! หญิงอื่นอะไร?! ฉางเล่อเป็นพี่สาวเจ้าแท้ๆ!"

หลี่เว่ยหยางยิ้มเยาะ "พี่สาว? นางเป็นถึงเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งสกุลหลี่ ส่วนข้ามันเป็นแค่ลูกเมียน้อย เป็นตัวกาลกิณีที่พ่อแท้ๆยังไม่อยากมอง ราวกับเศษดินบนพื้น! ถ้านางคิดว่าข้าเป็นน้อง นางกล้าคิดแย่งสามีน้องสาวตัวเองได้อย่างไร? นางกล้าแย่งตำแหน่งรัชทายาทจากลูกชายของข้าได้อย่างไรกัน?"

ทั่วป๋าเจินหัวเราะหึ เขาก้มมองใบหน้าเผือดสีของหลี่เว่ยหยาง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดจนคนไม่กล้าหายใจ "ฉางเล่อบริสุทธิ์ผุดผ่อง จิตใจงดงาม นางไม่กล้าฆ่ามดสักตัวด้วยซ้ำ เจ้าไม่อาจเทียบนางได้สักนิด! ส่วนยูลี เขาไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ซ้ำยังอกตัญญู กล้าพูดจาหยาบคายต่อฉางเล่อ เขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งรัชทายาท!"

บริสุทธิ์ผุดผ่อง จิตใจงดงาม? ตั้งแต่เล็ก เว่ยหยางต่างหากที่มีเมตตาชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่คนได้หน้ากลับเป็นพี่สาวของนาง เพียงเพราะนางรูปโฉมงดงามราวนางสวรรค์จนทำให้ผู้อื่นหลงคิดไปว่าจิตใจของนางงดงามเหมือนหน้าตา

หลี่เว่ยหยางอยากจะหัวเราะเยาะตัวเอง คำพูดของเขาไม่ต่างจากคมดาบที่เสียบทะลุหัวใจของนาง หยาดน้ำตาไหลรินจากดวงตาอันว่างเปล่า

ดวงตาของนางมีแต่ความสิ้นหวังที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย "ถูกของท่าน ข้าไม่อาบเทียบกับฉางเล่อได้ แต่ยูลีบริสุทธิ์ เขาอายุแค่ 4 ขวบเท่านั้น ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาเห็นแม่เจ็บปวดร้องไห้ ถึงได้แสดงความไม่พอใจใส่ฉางเล่อ แต่ท่านสิ ท่านกลับใจดำขังเขาไว้ถึงสามวันสามคืน"

ทั่วป๋าเจินมองนางเงียบๆ

ใจนางบอบช้ำยิ่งนัก "ถ้าไม่เพราะท่าน ปอดของเขาคงไม่ติดเชื้อ เขาคงไม่ต้องอายุสั้นแบบนี้! เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแท้ๆ เพียงเพราะเขาไม่เคารพผู้ใหญ่ ท่านก็ทำกับเขาเช่นนี้ ข้าผิดหรือที่เรียกหมอหลวงมาดูอาการเขา เพราะต้องการช่วยลูกของตนเอง? ท่านคิดถึงแต่ฉางเล่อ แต่ยูลีของข้าต้องทรมานจากพิษไข้ เสียงคร่ำครวญของเขา ท่านรู้ไหมว่ามันทำให้ข้าเจ็บปวดแค่ไหน? หากเป็นไปได้ ข้ายินดีแลกชีวิตของตัวเองกับชีวิตเขา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่าน มีทั้งท่าน มีทั้งฉางเล่อ แต่ยูลีมีเพียงข้าคนเดียว! แล้วเหตุใดข้าจะต้องไปดูแลหลี่ฉางเล่อด้วย? ในเมื่อตอนนั้น ยูลีกำลังต่อสู่ระหว่างความเป็นกับความตาย! ตอนนี้ข้าไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือให้ยูลีฟื้นขึ้นมา! ข้าเกลียดหลี่ฉางเล่อ! ข้าเกลียดนาง! ข้าเกลียดที่ข้าไม่อาจสับนางเป็นหมื่นๆชิ้น!"

"นังแพศยา!" ทั่วป๋าเจินโมโห เขาทั้งรังเกียจทั้งขยะแขยงหญิงสาวตรงหน้า "ถ้าเจ้าคิดจะเกลียดใครก็จงเกลียดข้า! นางไม่ได้อยากเข้าวังด้วยซ้ำ แต่เป็นข้าที่บังคับนาง เป็นข้าที่ต้องการให้นางเป็นอัครมเหสี หญิงที่จิตใจงดงามอย่างนาง เหตุใดถึงมีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้าได้?" เขาก้าวมาหาหลี่เว่ยหยางแล้วจิกศีรษะนางขึ้นมา "ข้าไม่มีวันให้อภัยเจ้า! ข้าจะให้เจ้าต้องทุกข์ทรมานจนชั่วชีวิต! ทหาร! ตัดขานางแพศยานี่ออกทั้งสองข้าง แล้วโยนนางเข้าตำหนักเย็น!"

จากนั้น เว่ยหยางก็มองเห็นบางอย่างสีเหลืองสด ทั้งที่ตำหนักเย็นนั้นแสนมืดมน ของสีเหลืองนั้นกลับเจิดจ้าจนทำให้ทุกอย่างพร่ามัว มันส่องสว่างเสียยิ่งกว่าแสงเทียน นางรู้ตอนนั้นเองว่านั่นคือราชโองการปลดพระอัครมเหสี

ขันทีประกาศราชโองการ เว่ยหยางรู้สึกราวกับวิญญาณหลุดลอย จิตใจเหลือเพียงความว่างเปล่า ทุกความคิดปลาสนาการไปจากสมองเหลือเพียงสองคำ - การแก้แค้น และ ความเกลียดชัง นางไม่ได้ยินอะไรอีกหลังจากนั้น วิญญาณของนางได้ล่องลอยไปไกลแสนไกล

ทั่วป๋าเจิน ท่านช่างโหดเหี้ยม โหดเหี้ยมยิ่งนัก!

นางล้มตัวลงบนพื้นแต่เขาไม่คิดชำเลืองมอง เพียงยกเท้าขึ้นเตะนางอย่างไร้ความปราณี เขาไม่เพียงทำร้ายร่างกายนาง แต่ยังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและจิตใจของนางด้วย

หลี่เว่ยหยางหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง นางเคยบอกเขาว่านางรักทิวทัศน์เมืองเจียงหนาน วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อเหตุการณ์วุ่นวายสงบลง นางอยากไปเจียงหนาน ชมทิวทัศน์ ดื่มชารสเลิศ ฟังเพลงพื้นเมือง และท่องเที่ยวไปทั่วแผ่นดิน ทั่วป๋าเจินบอกว่าเขาจะจำคำพูดของนางไว้ และเพราะเขาจำได้ เขาถึงได้ลงโทษนางด้วยวิธีนี้ เพราะนางต้องการท่องเที่ยวให้ทั่วแผ่นดิน เขาถึงได้ตัดขานางออก เพราะนางบอกว่าต้องการเป็นมเหสี เขาถึงได้ปลดนางและโยนนางเข้าตำหนักเย็น ทั่วป๋าเจิน ท่านช่างโหดร้าย ทารุณยิ่งนัก!

ในตำหนักเย็นนั้น เว่ยหยางหรี่ตามองฟ้า

หลังจากนั้น ทั่วป๋าเจินก็ได้แต่งตั้งหลี่ฉางเล่อเป็นอัครมเหสี แต่งตั้งลูกชายนางเป็นรัชทายาท ชั่วชีวิตพวกเขามีแต่ความรักและความรุ่งเรือง ขณะที่หลี่เว่ยหยางกลับถูกลืมทิ้งไว้ นางอดทนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ สัญญากับตัวเองว่าจะต้องอายุยืนกว่าหลี่ฉางเล่อ นางจะตายก่อนหลี่ฉางเล่อไม่ได้!

ทันใดนั้นเอง ประตูตำหนักเย็นถูกเปิดออก หลี่เว่ยหยางเห็นแสงลอดผ่านประตูเข้ามา

"หลี่เว่ยหยาง คุกเข่าลงรับราชโองการ!"

คุกเข่าหรือ? ขานางถูกตัดทิ้งทั้งสองข้าง จะให้คุกเข่าอย่างไร?

หลี่เว่ยหยางไม่เข้าใจสิ่งที่ชายผู้นั้นกำลังพูด เสียงของเขาแหบแห้งแต่ก็แหลมบาดหู นางถูกใครบางคนลากมาอยู่กลางห้องโถง

"ฝ่าบาทมีราชโองการ อดีตมเหสีไร้คุณธรรม ซ้ำยังไม่สำนึกในความผิด สาปแช่งพระอัครมเหสีทุกเช้าค่ำ จึงมีคำสั่งพระราชทานเหล้าพิษ"

"สนมหลี่ ท่านอย่าโทษผู้อื่นเลยนะ พระอัครมเหสีหวาดหวั่นจนยามค่ำคืนก็ไม่อาจข่มตาหลับ โหรหลวงทำนายว่าบาปกรรมของท่านนั้นหนักหนาจนเป็นปฎิปักษ์ต่อพระอัครมเหสี ท่านควรรีบไปเกิดใหม่เสียเถิด!"

เหล้าพิษ ชีวิตของนางต้องจบลงด้วยเหล้าพิษ! ตลอดชีวิตนางเป็นภรรยาที่ดี นางทำทุกอย่างก็เพื่อเขา ในสนามรบ นางไม่ใส่ใจต่อชีวิตตนเอง แต่พยายามเรียกขวัญและกำลังใจให้กับทหารหาญ เมื่อเกิดภัยพิบัติ นางก็เป็นคนแรกที่บริจาคเงินทองช่วยเหลือประชาชน แม้จะต้องทำให้สามีขุ่นเคืองใจบ้างแต่นางก็ยังพยายามช่วยให้เขามองเห็นข้อผิดพลาด นางเป็นราชินีที่ดี นางปฏิบัติต่อขันทีและข้าราชบริพารอย่างอดทนและมีเมตตา แต่ในยามนี้ ยามที่ชีวิตนางตกต่ำ กลับไม่มีใครสักคนเมตตาช่วยเหลือ

หลี่เว่ยหยางหัวเราะราวกับเสียสติ "ทั่วป๋าเจิน หลี่ฉางเล่อ ดีแล้ว! พวกเจ้าทำกับข้าไว้ดีมาก! หากชาติหน้ามีจริง ข้าหลี่เว่ยหยาง ขอสาบานจะไม่มีวันเมตตาผู้อื่น ไม่มีวันก้าวเข้าวังหลวง และไม่มีวันเป็นอัครมเหสี!"

ขันทีอาวุโสมองอดีตมเหสีด้วยความสมเพช เขาถอนหายใจแล้วออกคำสั่ง "ลากตัวนางมา"

เสียงร้องของหลี่เว่ยหยางยังคงดังก้องแม้จะห่างไปหลายลี้ เสียงของนางช่างบ้าคลั่งแต่ก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เสียงนั้นราวกับคำสาปแช่งที่กังวานไปทั่วทั้งวัง ก่อให้เกิดความกลัวในจิตใจผู้คน.



Note: ชื่อตัวละครและสถานที่ อ้างอิงมาจากชื่อที่ได้ยินในซีรี่ส์ อาจจะมีผิดพลาดได้ หากใครทราบการออกเสียงและการสะกดที่ถูกต้อง ช่วยแนะนำได้นะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

[องค์หญิงเว่ยหยาง] บทที่ 5 - สุกรหลุดจากคอก

นางหลิวเจ็บหนักจนต้องพักรักษาตัวอยู่บนเตียงนานถึงเจ็ดวัน ในช่วงเวลาเจ็ดวันนี้ โจวหลานซิ่วยังคงด่าทอเว่ยหยางอยู่ตามเคย แต่ไม่มีใครกล้าลงมื...